เรื่องราวที่อยากเล่า

วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

วิธีโหลดเกมจาก สโต ออสเตรเรีย by iphonebodycase

ไม่มีความคิดเห็น :

เปลี่ยนรหัสตามภาพก็สามารถโหลดเกมได้แล้วครับ

วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2558

5 น้องหมาที่ควบคุมยาก

ไม่มีความคิดเห็น :
เวลาพาน้องหมาไปเดินนอกบ้านลองสังเกตหมาเพื่อนบ้าน บางตัวนี่แทบไม่ต้องใช้สายจูงก็ไม่เดินหนีเจ้าของไปไหน ผิดกับบางตัวที่ต้องใช้สายจูงคอยจูงไว้ตลอดเวลา

1.ชิบะ อินุ


        เป็นน้องหมาสายพันธ์ซามูไร เป็นน้องหมาที่มีนิสัยร่าเริง แจ่มใส ว่องไว ปราดเปรียว ฉลาด รักอิสระ ใจดี กล้าหาญ แต่ข้อเสียก็อย่างที่ว่าแหละครับ เพราะเป็นหมาที่ค่อนข้างเอาแต่ใจ หัวแข็งมาก ดื้อทั้งดื้อเงียบ ดื้อซน ดื้อทำลายข้าวของ และชอบสนใจแต่สิ่งที่ตัวเองสนใจเท่านั้น จึงเป็นหมาที่ควบคุมได้ยาก โดยเจ้าของต้องคอยฝึกวินัยของชิบะให้บ่อยๆ จะได้ไม่ต้องปวดหัวกับอาการดื้อของเจ้าหมาสายพันธ์ชิบะ อินุนี้
          ผู้เลี้ยงควรฝึนน้องหมาพันธ์นี้ตั้งแต่ยักเด็ก ควรจะเริ่มตั้งแต่น้องหมาอายุ 8 สัปดาห์ นำพาไปพบปะหมาอื่นบ้าง ให้ได้เห็นระเบียบสังคมบ้าง ถ้ายิ่งทิ้งไว้นานละค่อยฝึก บอกเลยครับยิ่งนานยิ่งยาก โดยถ้าทิ้งไว้นานเกิน 6 เดือนนี่จะหัวแข็งมากเลยครับ แนะนำให้เลี้ยงร่วมกับน้องหมาอื่นจะดีงับ เพราะถ้าเลี้ยงเดี่ยวๆแล้ว ชิบะ อินุ จะดื้อมากถึงมากที่สุด

2. ดัลเมเชียน


          หมาพันธ์นี้ทุกคนคงรู้จักกันเป็นอย่างดีจากการ์ตูนเรื่อง 101 ในช่วงนั้นเด็กที่ดูการ์ตูนเรื่องนี้ก็อยากได้หมาพันธ์นี้กันเป็นแถบๆ  เพราะในการ์ตูนนั้นมันเป็นหมาที่น่ารัก ฉลาด แสนรู้ แลดูฝึกง่าย แต่ทว่าการ์ตูนก็ยังคงเป็นการ์ตูนครับ ในความเป็นจริงนั้น น้องหมาสายพันธ์นี้เป็นน้องหมาที่ดื้อ ซน แถมยังมีพลังงานสูงมาก ขี้ตื่นตกใจ
          ผู้เลี้ยงควรฝึกตั้งแต่มีอายุ 8 เดือน ไม่ควรปล่อยให้มีอิสระเป็นของตัวเองจนถึงอายุ 6 เดือนเพราะจะควบคุมยากมาก

3. ไซบีเรียน ฮัสกี้


          คราวนี้เป็นทีน้องหมาจากเมืองหนาว ซึ่งดื้อไม่แพ้กับ 2 ตัวบน โดย ไซบีเรียน ฮัสกี้ นั้นหน้าตาคมเข้ม ดุดัน สง่างาม ให้เห็นเป็นอันต้องตกหลุมรักในความน่าเกรงขาม และความสง่าของมัน แต่ในความสง่านั้น มีความอินดี้ซ่อนอยู่ ทั้งรักอิสระ ดื้อ ไฮเปอร์ ยุ่งเหยิง อยู่สงบไม่ได้ อยากออกไปเจอโลกกว้าง อยากดูนู่นนี่
          ผู้เลี้ยงควรฝึกตั้งแต่ยังเด็ก พาออกไปเดินเล่นเพื่อเผาผลาญพลังงานบ่อยๆ อย่าพยามเข็มงวดกับน้องไซบีเรียนมากเกินไปจนมันเกิดความเครียด เพราะมันจะคอยต่อต้านเรามากกว่าเดิม ควรฝึกอย่างเป็นประจำ วันละประมาณ 10-15 นาที และควรออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน โดยให้มากกว่า 15 นาที

4. บ็อกเซอร์


          คราวนี้มาถึงน้องหมาหน้าโหด สุขุมมั่นคง รูปร่างกำยำ แต่จริงแล้ว น้องบ็อกเซอร์นั้น เป็นน้องหมาที่รักเจ้าของ ติดเจ้าของ ไร้เดียงสา พร้อมที่จะเข้ามาปกป้องคุณจากอันตรายตลอดเวลา แต่ทว่าตัวมันกับมีสมาธิสั้น ตื่นกลัว ตกใจง่าย และมีวิญญาณนักล่าอยู่ในตัว ถ้าเจอสัตว์เล็กๆผ่านหน้า บางทีอาจควบคุมไม่อยู่พุ่งไปหาเลยก็เป็นได้
          ผู้เลี้ยงควรเริ่มฝึกตั้งแต่อายุ 8 สัปดาห์ หรือก็เท่ากับ 2-3 เดือน คอยพาไปออกกำลังกาย เดินเล่น อย่างสม่ำเสมอ

5. บีเกิ้ล


          สุดท้ายน้องหมาน่ารักพันธ์ บีเกิ้ล ที่น่ารักมากๆ แต่กลับมาติดเป็นน้องหมาที่ควบคุมยาก เพราะน้องหมาพันธ์นี้เป็นยอดนักดม จะดมทุกสิ่งทุกที่โดยเฉพาะที่ที่มีกลิ่นอาหารจะชอบนักแล เวลาเดินไปไหนก็ดมตลอด ดมจนหน้าแทบจะติดพื้น และเวลาดมนั้นก็จะจดจ่อกับสิ่งนั้น ไม่สนใจสิ่งอื่น เสีนงเรียกของเจ้าของ เหมือนกับเป้นแค่ลมผ่านหู เข้าหูซ้ายออกหูขวา นอกจากนนี้ยังซน และดื้อมาก
          ผู้เลี้ยงหมาพันธ์นี้ไม่จำเป็นต้องฝึกตั้งแต่เด็ก เพราะ น้องบีเกิ้ล ไม่ตื่นตกใจง่าย ไม่ก้าวร้าว เราแค่ต้องคอยเอาใจมัน สอนมัน อย่างสม่ำเสมอ
เรียบเรียงจาก dogilike

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2558

การเลี้ยงน้องหมาแบบผิดๆ

ไม่มีความคิดเห็น :

เคยคิดไหมบางทีเราอาจจะเลี้ยงสุนัขของเราผิดวิธีมาโดยตลอด การที่เลี้ยงผิดวิธีไม่ใช่ว่าคือเลี้ยงไม่ดีนะครับ บางทีการที่เราเลี้ยงมากดีมากๆ ก็ไม่ใช่วิธีที่ถูกเสมอไป โดยวันนี้ทางเราจะมาบอกว่าวิธีไหนที่เห็นกันบ่อยแต่จริงๆแล้วมันผิดกันครับ

ให้น้องหมานั่งรถเข็น ใส่กระเป๋า เป้อุ้มสุนัข



          มันเหมือนเป็นเรื่องปกติไปแล้วนะครับการที่เอาหมาใส่รถเข็น ใส่กระเป๋าเดินห้างสรรพสินค้า โดยข้อเสียของการ ให้น้องหมานั่งรถเข็น ใส่กระเป๋า เป้อุ้มสุนัข คือ
1. เหมือนเป็นการปิดกั้นการเรียนรู้กับธรรมชาติของน้องหมา
2. ข้อนี้จะเป็นผลระยะยาวนะครับ เพราการที่น้องหมาอยู่ในรถเข็นหรือกระเป๋านะครับ ทำให้น้องหมาต้องทรงตัวตลอดเวลา ส่งผลให้มีโอกาสเป็นโรคสะบ้าเคลื่อน ทำให้น้องหมาเกิดอาการเจ็บปวด เดินกระเผลก รวมถึงการที่ใส่ไว้ในเป้ด้วยนะครับ มันดูน่ารักก็จริงแต่มันอาจจะไปรัดอวัยวะบางส่วนของน้องหมาไว้ และยังมีผลต่อสะโพก อาจจะทำให้น้องหมาของคุณขาแบะก็ได้ครับ

ขังน้องหมาไว้ในกรง หรือล่ามไว้ตลอด



          บางคนเวลาน้องหมาอยู่ในบ้านอาจจะขังกรงหรือล่ามไว้ตลอด ปล่อยแค่คอยที่จะพาไปข้างนอก การที่ทำแบบนี้ทำให้น้องหมาเกิดความเครียดครับ เพราะสุนัขเนี่ยเป็นสัตว์ที่ต้องการอิสระครับ ซึ่งถ้าเราปล่อยให้เขาเครียดมากๆ ผลที่ตามมาคือจะมีพฤติกรรมก้าวร้าวครับ เช่นเห่าตลอดเวลา กัดแทะสิ่งของที่อยู่ใกล้ตัว หรืออาจจะถึงขั้นต่อต้านการอยู่ในกรงก็เป็นไปได้ครับ
          ทางที่ดีนะครับ ควรจะขังเฉพาะตอนที่เราแบบดูแลเขาไม่ได้เช่นตอนที่ เรานอนหลับในตอนกลางคืน ตอนที่ไม่มีใครอยู่บ้าน แล้วก็ตอนที่มีแขกมาบ้านครับ

ให้น้องหมาใส่รองเท้า
          ผมเห็นมากตามภาพต่างๆนะครับการที่ให้น้องหมาใส่รองเท้าเวลาถ่ายรูปนี่มันสวยจริงๆนะครับ และมันก็มีข้อดีครับ ป้องกันเชื้อโรงตามที่ต่างๆที่น้องหมาของท่านไปผจญภัย ซึ่งหมาก็ชอบผจญภัยไปในที่ที่มันสกปรกอะนะครับ แต่ข้อเสียของการใส่รองเท้าของน้องหมาก็คือ เท้าของน้องหมาเนี่ยนะครับ เป็นที่ๆใช้ระบายความร้อนในร่างกายของน้องหมาครับ ซึ่งทำให้น้องหมานั้นระบายความร้อนได้ไม่สะดวกเท่าที่ควร ทำให้มีโอกาสเสี่ยงเป็นฮีทสโตรกได้ครับ ทางที่ดีนะครับควรใส่แค่เฉพาะเวลาที่จำเป็นเท่านั้นเพราะอากาศบ้านเราเนี่ย ก็รู้ๆกันอยู่นะครับว่ามันร้อนแค่ไหน
  
ฉีดน้ำหอมให้น้องหมา
            น้องหมาของบางท่าน อาจจะมีกลิ่นไม่พึงประสงค์นะครับ บางท่านอาจจะแก้ด้วยวิธีการฉีดน้ำหอมแทนที่จะอาบน้ำ เพราะน้องหมาของบางท่านนี่จับอาบน้ำยากจริงๆ แต่เมื่อเราฉีดน้ำหอมให้น้องหมาจะไปรบกวนการรับรู้ของเขานะครับ ทำให้ยากต่อการเรียนรู้กลิ่นอื่นๆตามธรรมชาติได้ครับ สมมุติเช่นเวลาน้องหมาของท่านหลงทาง น้องหมาปกติก็สามารถดมคลำทางจนกลับมาถึงบ้านได้นะครับ แต่ถ้าฉีดน้ำหอมให้น้องหมาเนี่ย อาจจะไปรบกวนประสาทรับกลิ่นที่ถูกต้องไป ทำให้คลาดกับกลิ่นที่จำเป็นในการดำรงชีวิตไปนะครับ

ขอบคุณขอมูลจาก dogilike

วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2558

กินน้อย แต่อิ่ม

ไม่มีความคิดเห็น :
การลดน้ำหนักนั้นมีได้หลายวิธี แต่วิธีที่ดีผมคิดว่าควรแก้ปัญหาที่ต้นเหตุครับ บางคนอาจจะอ้วน หรือน้ำหนักมากเนื่องจาก เรากินอาหารผิดวิธี โดยคนส่วนใหญ่จะกินเรื่อยๆ จนกว่าจะรู้สึกอิ่ม จริงๆมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วละครับที่เราจะกินจนอิ่ม ทำให้บางทีเราอาจจะกินอาหารมากเกินไปที่เราจะเผาพลาญได้ใน 1 วัน วันนี้ผมก็เลยมาเสนอวิธีที่จะช่วยให้เราอิ่มเร็วขึ้นมาแนะนำ ซึ่งจะทำให้เรากินอาหารน้อยลง แต่กินอิ่มเร็วขึ้นครับ




วิธีแรก กินโปรตีนในทุกมื้ออาหาร เพราะว่าโปรตีนนั้นทำให้กระบวนการย่อยทำงานช้าลง และยังเผลาพลาญแคลอรี่ที่เกินมาด้วย ยิ่งในอาหารเช้าควรยิ่งกินโปรตีน เพราะโปรตีนนั้นถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของแต่ละวันอีกด้วย

วิธีต่อมา กินน้ำก่อนกินข้าว น้ำที่ว่าไม่ได้หมายถึงน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียว หมายรวมถึงจำพวกน้ำซุปด้วย ซึ่งให้แคลอรี่ที่ต่ำ ซ้ำยังช่วยให้เราทานอาหารน้อยลงอีกด้วย

วิธีต่อมา เลือกกินอาหารที่มีไฟเบอร์สูง บางคนอาจจะไม่รู้ไฟเบอร์คืออะไร ไฟเบอร์ หรือ Fiber คือ เส้นไยอาหาร ซึ่งเป็นส่วนโครงสร้างของพืชเช่น กิ่ง ก้าน เมล็ด เป็นส่วนที่ร่างกายไม่สามารถย่อยสลายได้ เราสามารถพบไฟเบอร์ได้จากพวกธัญพืช เช่น ข้าวโอ๊ต ข้าวซ้อมมือ ผลไม้ทั้งหมด (ไม่รวมน้ำผลไม้นะครับ) ลูกเดือย ผลส้มแขก เมล็ดแมงลัก และเหตุผลที่เราควรทานอาหารที่มีไฟเบอร์คือ ไฟเบอร์นั้นไปแย่งพื้นที่ในระบบทางเดินอาหาร ทำให้ลดความอยากอาหารลงได้มาก จึงช่วยทำให้อิ่มเร็วขึ้นครับ

วิธีต่อมา ให้ความสำคัญกับการกิน เวลากินก็ควรกินไม่เล่นโทศัพท์ ไม่ดูโทรทัศน์ ซึ่งผมโดนแม่ด่าประจำในข้อนี้นะครับ 555+ เราควรให้ความสำคัญหรือจดจ่อกับการทานอาหารเพราะว่า เวลาที่คุณกินช้าๆ คุณสัมผัสรสขาติของมันได้มากขึ้น ยิ่งคุณเพลิดเพลินกับมันคุณก็จะอิ่มเร็วขึ้น มากกว่าการที่คุณทำอย่างอื่นไปกินไป คุณก็แค่ใส่เข้ามากให้หมดเป็นคำๆไป ครับ

วิธีต่อมา กินให้ตรงเวลาครับ  ควรจัดตารางเวลาให้ดีครับ เพราะถ้าคุณทานไม่ตรงเวลา คุณก็จะยิ่งหิว พอคุณหิวคุณก็ทานเร็วและมากกว่าปกติครับ อีกอย่างที่สำคัญมันยังไม่ดีต่อสุขภาพอีกด้วยครับ

ต่อมาเป็นวิธีสุดท้ายนะครับ ใช้ภาชนะให้เล็กลง ข้อนี้เหมือนเป็นจิตวิทยานะครับ เมื่อคุณกินหมดชามแล้วทั้งๆที่ชามมันเล็กลง มันจะทำให้เรารู้สึกว่าเราได้รับมันเพียงพอแล้ว

6 ข้อที่ว่ามานะครับหวังว่าช่วยได้นะครับไม่มากก็น้อย จริงๆมันมีวิธีมากมายนะครับที่จะช่วยให้เราลดน้ำหนักลงได้ ขอให้ลดน้ำหนักกันได้ทุกคนนะครับเอาใจช่วยครับ

บทความข้างบนนะครับรวบรวมมาจาก Postjung Sanook 

วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

สูตรข้าวมันไก่

ไม่มีความคิดเห็น :

สูตรข้าวมันไก่

            การทำข้าวมันไก่ในปัจจุบันมีหลายสูตรที่แตกต่างกันไป บางสูตรที่ทำอร่อยก็ทำขายจนตั้งตัวได้...หรือทำเป็นระบบแฟรนไชส์..ก็มีมาก แต่วันนี้จะเป็นสูตรที่มีชื่อเช่นกันครับ...เพราะเป็นสูตรที่หลายๆท่านได้ทำขายจนร่ำรวยมาแล้ว..จึงนำมาเปิดเผย...เป็นวิทยาทาน...(เพราะหลายๆท่าน อยากที่จะทำแต่หาสูตรการทำไม่ได้..)




ขั้นตอนการทำมี 3 - 4 ขั้นตอนด้วยกันคือ


1.การทำไก่ หรือการต้มไก่ ให้ถูกวิธี..ไม่ให้เนื้อไก่แตกและจืดเกินไป...รวมถึงการต้มเลือดไก่,และเครื่องในไก่
2.การเจียวมันไก่หอม ใว้ใช้หุงข้าวมัน,(เก็บใว้ใช้ได้..) 
3. ขั้นตอนการหุงข้าวมันไก่
4. สูตรการทำน้ำจิ้มไก่สามรส...(ทุกขั้นตอนสำคัญทั้งหมด...เราต้องเรียนให้รู้จริงเพื่อที่จะปฎิบัติจริงได้..ทำขายประกอบเป็นอาชีพได้ครับ...)

"การทำไก่,การต้มไก่." เลือกซื้อไก่ตอนที่ตลาด...(ขนาดตามชอบ..2-4ก.ก.)นำมาผ่าท้องล้วงเอาใส้และเครื่องในออกให้หมด แล้วล้างไก่ให้สะอาด 2-3 น้ำ แล้วใช้เกลือป่นประมาณ ครึ่งห่อ...นำมานวดและทาให้ทั่วตัวไก่ทั้งนอกและในตัวไก่...(นวดเบาๆ..เป็นการล้างเอากลิ่นสาปของไก่ออก..)แล้วนำมาล้างน้ำให้สะอาดอีกครั้ง..2-3 รอบ แล้วพักทิ้งใว้ให้สะเด็ดน้ำ... - (หมายเหตุ) ก่อนหน้านั้น..ก่อนทำไก่..ให้เราต้มน้ำร้อนให้เดือดจัด...(ใช้หม้อเบอร์ 45 " นิ้ว-ใส่น้ำ 3/4 ของหม้อ..หรือค่อนหม้อ..)หรือโดยประมาณ...ให้ใส่ไก่ลงลวกหรือต้มได้ครับ...


หลังจากที่น้ำเดือดแล้ว...และเราทำไก่เสร็จแล้ว...ให้นำเอาไก่ลงไปลวกน้ำร้อน โดยการจุ่มตัวไก่ลงไปให้จมทั้งตัว...สักพักแล้วยกขึ้น เทเอาน้ำในท้องไก่ออกด้วยครับ...ให้ทำซ้ำๆ..คือให้ลวกไก่แบบนี้ประมาณ 25-30 ครั้ง(แล้วแต่ไก่ตัวเล็กหรือตัวใหญ่...)2-3 ก.ก. 20 ครั้ง -3-4 ก.ก. 30 ครั้ง 4.5ก.ก.ขึ้นไป 35 ครั้งครับ...


-ลวกไก่เสร็จแล้ว...ให้เรานำไก่ลงต้มได้เลยครับในหม้อใบเดิม...โดย ใส่เกลือ 5 ช.ต.พูล + น้ำตาลทราย 5 ช.ต.พูล เท่ากัน +ใบเตย5-10 ใบมัด +กระเทียมเป็นหัวๆ 2 หัว ไม่ต้องทุบ..+ขิงหั่นเป็นแว่นๆ 5-9 แว่น ใส่ลงไปในหม้อต้มไก่(หรี่ไฟลงปลานกลาง อย่าให้น้ำเดือดปุด...)ใช้เวลาในการต้มสุกประมาณ 35-40 นาที...สังเกตุ..ถ้าไก่สุกไก่จะลอยขึ้นมาบนน้ำ...ถ้ายังจมอยู่แสดงว่าไก่ยังไม่สุกครับ....เมื่อไก่สุกแล้วให้นำขึ้นมาวางใว้บนภาชนะหรือถาดที่รองรับน้ำไก่ได้เพื่อเตรียมทำขั้นตอนต่อไป...


-ขั้นตอนต่อไปคือ...ให้เราเตรียมหม้อเล็กๆ 1 ใบ แล้วตักเอาน้ำมันไก่ที่ลอยอยู่บนเหนือผิวน้ำที่เราต้มไก่มาใส่ใว้ในหม้อ..(ช้อนเอาแต่น้ำมัน แต่ถ้าน้ำติดมาด้วยก็ไม่เป็นไรครับ...)ส่วนน้ำต้มไก่ที่เหลือให้เก็บใว้ทำน้ำซุปครับ...
เมื่อเราได้น้ำมันไก่มาแล้ว..ให้เราเติมเกลือ 5 ช.ต.พูลๆ และ ผงชูรส ประมาณ 5 ช.ช. ลงไปในน้ำมันคนให้เข้ากันจนละลายเป็นเนื้อเดียวกัน (แล้วนำไปลาดบนตัวไก่ให้ทั่วทั้งนอกและใน...หรือเทใส่ลงไปในท้องไก่ทิ้งใว้สักพัก...แล้วเทออก นำมาทาที่ตัวไก่ให้ทั่ว )หลังจากนั้นให้เทน้ำมันไก่ที่เหลือคืนกลับหม้อเล็กเหมือนเดิม เก็บใว้ลาดเครื่องในไก่,และเลือดไก่ต่อไปครับ.


(การต้มเครื่องใน และเลือดไก่...)ให้เตรียมหม้อต้มน้ำ พร้อมใส่เลือดไก่ลงไปต้มพร้อมๆกัน จนน้ำเดือด ให้เรานำเครืองในไก่ ใส่ลงไปจับเวลาประมาณ 15 นาที ยกลง เทใส่ถาด แล้วลาดด้วยน้ำมันที่เตรียมใว้ ลาดทั้งเลือดและ เครื่องใน...แล้วเทน้ำมันกลับใส่หม้อเหมือนเดิม...(ให้นำน้ำมันที่เหลือทั้งหมด...มาเทใส่ลงในหม้อน้ำต้มไก่ในครั้งแรกเพื่อทำเป็นน้ำซุป...ต่อไป...)ถ้าน้ำมันลอยขึ้นมามากเกินไป ให้เราชอนออกไปบ้างก็ได้ครับ...


(การทำน้ำซุป)ยกหม้อน้ำต้มไก่ขึ้นตั้งไฟ หั่นฟักใส่ลงไปเป็นชิ้นๆ ตามชอบ...พอควร..ใส่รากผักชี 6-7 รากลงไปในหม้อ...ตามด้วยพริกไทยป่น 4 ช.ช. ต้มและเคี่ยวไฟอ่อนๆ ใว้เป็นน้ำซุปเวลาขาย...(ลดหรือเพื่มน้ำได้ตามชอบครับ...)


(การเจียวน้ำมันไก่หอมใว้หุงข้าวมันไก่) วิธีทำ..ซื้อมันไก่ตอน 2 ก.ก. นำมาตั้งไฟให้น้ำมันละลาย (ใส่ใบเตย 8-10 ใบ มัด ใส่ลงไป เจียวกับน้ำมัน) จนกากมันไก่แห้งได้ที่ ชอนกากขึ้น - แล้วนำหอมแดงหั่นเป็นแว่นๆทั้งเปลือกก็ได้..ประมาณ 1 ขีด ใส่ลงไปทอดให้พอเหลืองแห้ง..มีกลิ่นหอม ให้ตักกากหอมขึ้น ปิดไฟ พักน้ำมันให้เย็น ใส่ภาชนะเก็บใว้ใช้หุงข้าวมันไก่ต่อไป...


( การหุงข้าวมันไก่...) ใช้ข้าวหอมมะลิ 100 % ข้าวหอม 1 ก.ก. /ต่อน้ำที่หุง 1.5 ก.ก. ยืดหยุ่นได้ครับตามชอบ...(ข้าวเก่า ให้เพิ่มน้ำอีกนิดหน่อย..)-(ส่วนถ้าเป็นข้าวหอมใหม่ๆ ให้ลดน้ำนิดหน่อยครับ..)
การหุงข้าว..โดยใช้หม้อไฟฟ้า....(เตรียม)1. ข้าวหอมมะลิ 1.5 ก.ก. 2. น้ำมันเจียวหอม 1 ถ้วย 3. กระเทียมบดละเอียด 1/2 ขีด(เอาเปลือกออก) 4. ขิง+ข่า หั่นเป็นแว่นๆ รวมกัน 1/2 ขีด +หอมแดง 2 หัวทุบพอแตก


-ขั้นตอนต่อไป...(ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมันเจียวหอมลงไป ตามด้วยกระเทียมบด+ขิง+ข่า+หอม ลงไปคั่วในกระทะพอหอม ตามด้วยข้าวสาร 1.5 ก.ก.(ไม่ต้องซาวน้ำ) ผัดให้เข้ากันพอหอม...นำมาเทใส่ลงในหม้อข้าว..แล้วตามด้วยน้ำซุปร้อนที่เตรียมใว้เทใส่รวมลงไป...กดสวิชหุงข้าว เปิดฝาหม้อใว้ก่อน...คนทุกๆ 5 นาที เพื่อไม่ให้ติดก้นหม้อ...รอจนน้ำภายในหม้อใกล้แห้ง...ให้เราเติมน้ำเปล่าลงไปอีก 1/2 ถ้วย แล้วใช้พายไม้...คนให้เข้ากัน (แล้วปิดฝาหม้อ..รอจนหม้อข้าวเด็ง...)ทิ้งใว้อีก 15 นาที... นำออกมาขายได้...

(เตรียมส่วนของน้ำที่จะหุงข้าว) น้ำ 2.3 ก.ก.+ใบเตย 5-8ใบมัด ต้มให้เดือด(แล้วนำเอาใบเตยออก)+ เกลือ 1 ช.ต.พูล +ผงคะนอร์ห่อเล็ก หรือ (ซุปคะนอร์ก้อน1-2 ก้อน )+น้ำตาลกรวด 2 ช.ต.พูล หรือ 2ก้อนหัวแม่มือ...ใส่ลงไปในน้ำทั้งหมด ต้มให้เดือด...เตรียมใว้ใช้หุงข้าวต่อไป....



(สูตรการทำน้ำจิ้ม 3 รสข้าวมันไก่..)(เก็บใว้ได้ 20-30 วัน )
-(น้ำเปล่าว 1/2 ลิตร +ใบเตย 10 ใบ +น้ำตาลทราย 3 ขีด + น้ำตาลปี๊บอย่างดี 1/2 ก.ก. )นำไปต้มให้เดือดเป็นน้ำเชื่อม เคี่ยวไฟอ่อนๆรอจนใบเตยออกเป็นสีเหลือง ชอนในเตยออก ทิ้งใว้ให้เย็น...เป็นน้ำเชื่อม...
- ขิงแก่ (ออกสีน้ำตาล) 1.2 ก.ก. (1ก.ก.กับอีก2 ขีด) (ปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เตรียมใว้)
-เต้าเจี๊ยวบด สูตร 1 1 ก.ก.
-ซีอิ๊วดำ หวาน(ตราเด็กสมบูรณ์ สูตร1) 1/2 ถ้วย
-ซีอิ๊วขาว(ง่วนเชียงสูตร 4 ) 2.5 ขวด(2ขวดครึ่ง)
-น้ำส้มสายชู ตรา อ.ส.ร. 1 ขวด กับอีก 1/2 ถ้วย
-พริกขี้หนูแดงสด 1/2 ก.ก.(ปั่นพอหยาบ)
-กระเทียมแห้งบดระเอียด(ทั้งเปลือก) 2 ขีด
-เนื้อกระเทียมดองบดละเอียด(เนื้อ) 1 ขีด(พร้อมน้ำกระเทียมดอง 1/2 ถ้วย )
-ผงชูรส, 5 ช้อนกาแฟ


วิธีทำ
1. นำภาชนะใส่น้ำเชื่อมที่เตรียมใว้... 

2. ให้ใส่น้ำส้มสายชู (อ.ส.ร. )ลงไป 1/2 ถ้วย + น้ำกระเทียมดอง 1/2 ถ้วย คนให้เข้ากัน
3.บดกระเทียมดอง 1 ขีด (เอาแต่เนื้อ) + กระเทียมแห้ง 2 ขีด (เวลาที่เราบดโดยใช้เครื่องปั่น...ให้ใช้น้ำซีอิ๊วขาว(ง่วนเชียง)เป็นตัวช่วยโดยเติมนิดหน่อยให้พอที่จะปั่นได้...- เมื่อเราปั่นกระเทียมหมดแล้ว...ให้เราปั่นขิง 1.2 ก.ก. ต่อได้เลย โดยใช้ซีอิ๊วขาวใส่นิดหน่อยพอปั่นได้...เมื่อปั่นหมดทั้ง 3 อย่างแล้ว ให้นำซีอิ๊วที่เหลือเทลงไปรวมกันทั้งหมด...พักใว้...
4.ปั่นพริกขี้หนูแดง 1/2 ก.ก. ที่เตรียมใว้ให้พอละเอียด -โดยใส่น้ำส้ม (อ.ส.ร.) 1 ขวด แทนน้ำ+ใส่ซีอิ๊วดำลงไป 1/2 ถ้วย + ผงขูรส 5 ช้อนกาแฟเล็ก...+เต้าเจี้ยวบด 1 ก.ก. (คนให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมดเป็นใช้ได้...) ให้เราแบ่งใว้ เป็น 3 ส่วน ใส่โหลเก็บใว้เท่าๆกัน เวลาที่จะนำมาใช้งาน...(น้ำจิ้ม 1 ส่วน ให้เราผสมกับน้ำซุปประมาณ 1 ถ้วยครึ่ง...คนให้เข้ากัน...)แล้วนำมาใช้งานได้ครับ....ขอให้ร่ำรวยในอาชีพใหม่ครับ...

วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2558

ทริปแดนมังกร

ไม่มีความคิดเห็น :
       วันนี้นะครับจะชวนเพื่อนๆไปเที่ยวสาธารณรัฐประชาชนจีนกันครับ อย่าพึ่งร้องยี๋นะครับ หรือจิตตกกันเรื่องเสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงความไม่เป็นระเบียบหรือแม้แต่วัฒนธรรมของชาวจีนอันที่จริงเป็นกันแค่เพียงบางแห่งเท่านั้นครับ โดยทริปนี้เราจะไปศูนย์กลางทางเศรษฐกิจอีกแห่งของจีน นครเซี่ยงไฮ้ครับ



       เซี่ยงไฮ้หรือฉางไฮเป็นเมือนที่ทันสมัย สะอาด และที่สำคัญอาหารอร่อยใครที่มาเที่ยวเซี่ยงไฮ้เป็นครั้งแรกควรจะไม่พลาดที่จะได้ถ่ายภาพกับหอไข่มุกที่ตั้งตะหง่านสวยสง่าอยู่เคียงข้างแม่น้ำหวงผู่ มาอย่างยาวนาน ถึงแม้ในยามปัจจุบันจะมีตึกสวยผุดขึ้นมามากมายอย่างเช่น เวิลด์ ไฟแนนเชียล 1 และ 2 ซึ่งอยู่ไม่ไกล แต่ถึงกระนั้นหอไข่มุกก็ยังคงเป็นแลนด์มาร์คของเซี่ยงไฮ้ ยิ่งในเวลากลางคืนนั้นไม่ว่าใครก็คงอดใจไม่ไหวที่จะต้องหยิบกล้องขึ้นมาถ่าย ถ้าเกิดว่าท่านได้มีโอกาสมาเยี่ยมชมในช่วงเดือนตุลาคมนั้น จะมีเทศกาลที่น่าสนใจ คือเทศกาลกินปูขน โดยเนื้อที่หวานและแน่น พร้อมทั้งรสชาติที่แตกต่าง จะทำให้คุณหลงหลักอาหารจานนี้ไปได้อย่างง่ายๆ

        เมนูที่นักท่องเที่ยวถึงกับต้องยืนต่อคิวกั้นซื้อคือ เสี่ยวหลงเปาครับ เนื่องจากข้างในนั้นมีน้ำซุปที่หวานหอม เวลารับประทานต้องรับประทานอย่างระวังไม่ให้น้ำซุปไหลออกมานะครับ เพราะจะทำให้ได้รสชาติทีดีที่สุด รับประกันความอร่อยด้วยสูตรที่ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้หากใครชอบเมนูเส้นควรลองกินบะหมี่น้ำ ถึงหน้าตาจะธรรมดาเหมือนบ้านเราแต่ความแตกต่างอยู่ที่รสชาติของเส้นที่เหนียว นุ่ม น้ำซุปหวานข้น และหอมมันเล็กน้อย กลิ่นน้ำมันงาที่คละคลุ้งทำให้เราถึงกับซดน้ำซุปจนไม่เหลือแม้แต่หยดเดียวเลยครับ เดินทางออกมาจากนครเซี่ยงไฮ้ ไปไหว้พระที่เมืองอูชีกันครับโดยเดินทางโดยรถไฟความเร็วสูงใช้เวลาเพียงแค่ 45 นาที ก้จะถึงเมืองนี้ โดยไฮไลท์ของเมืองนี้อยู่ที่พระองค์ใหญ่อยู่บนภูเขาที่ต้องเดินบันไดขึ้นไปสักการะด้านบน ส่วนใครที่คิดว่าเดินไม่ไหวไม่ต้องกังวลไปครับ เพราะที่นี่มีบรรไดเลื่อน เราใช้เวลาในบันไดนี้ได้ทั้งวัน มีรถรับส่งทั้งเมืองตามสถานที่สำคัญมีบรรยายภาษาอังกฤษเพื่อให้มีความเข้าใจเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้มากขึ้น

      ไหว้พระขอพรกันแล้วเปลี่ยนบรรยากาศมาชมสวนเมืองโบราณกันบ้างนะคะ เมืองโจวจวง เรียกได้ว่าเป็น "เวนิสแห่งตะวันออก" อีกทั้งยังเป็นมรดกโลกของจีนอีกด้วย การเดินทางโดยรถโดยสารประจำทางใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเล็กน้อยจากนครเซี่ยงไฮ้ ถ้าหากพอมีเวลาแนะนำให้นั่งเรือพาย คนพายเรืออารมณ์ดีค่ะร้องเพลงไปด้วยได้บรรยากาศดีมากได้บรรยากาศจีนเมืองเก่าเอามากๆ วิวมหาชนอยู่ตรงที่สะพานโค้งนี่เองคะ ส่วนพิพิธภัณฑ์ยังคงรักษาความสมบูรณ์และเก็บรวบรวมไว้ได้อย่างครบถ้วนโดยเข้าชมได้ฟรี ก่อนกลับพลาดไม่ได้เลยที่จะซื้อขาหมู ที่รสชาตินั้นทั้งหวาน หนังก็กรอบ เนื้อนั้นทั้งนุ่มทั้งแน่น มีขายตลอดสองข้างทางครับ  ปิดทริปนี้ด้วยอาหารอิ่มอร่อยและความร่วมสมัยของเมืองเก่าและเมืองใหม่ของสาธารณะรัฐประชาชนจีนครับ

เรื่องโดย คาปูชิโน่ จากนิตยสาร DoubleClick

วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2558

นาฬิกาควอซ์

ไม่มีความคิดเห็น :
       เมื่อเรามองนาฬิกาข้อมือที่ขายอยู่ในร้านค้าจะเห็นว่ามีหลากหลายแบบ ระบบของนาฬิกาแบ่งเป็นกลไกซึ่งใช้เฟือง ซึ่งใช้ปริงในการเก็บพลังงานเพื่อใช้ในการทำงาน อีกแบบหนึ่งเป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่หรือบางแบบใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์แบบอิเล็กทรอนิกส์นี้จะเห็นคำว่า QUARTZ ทำให้เรานึกถึงแร่ชนิดหนึ่ง ทำให้เกิดสงสัยว่าสามารถสร้างความถี่สัญญาณนาฬิกาอย่างไร วันนี้เรามาดูกันเลยว่าควอซ์คืออะไรสร้างมาได้อย่างไร



       นาฬิกาควอช์ใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่าคริสตอลออสซิเลเตอร์ CRYSTAL OSCILLATOR เป็นภาษษไทยว่า ผลึกคริสตอลกำเนิดจังหวะหรือกำเนิดความถี่ เป็นสารประกอบจาก SILICON DIOXIDE การสร้างนำมาตัดให้เป็นแผ่นบางๆ อาจจะซ้อนกันหรือวางคู่กันในระยะห่างระดับหนึ่ง ระยะห่างระหว่างแผ่นทั้งสองนั้นมีผลต่อความถี่ที่กำเนิดขึ้นมา ข้อดีของคริสตัลคือขนาดของมันเปลี่ยนแปลงน้อยมากเมื่อโดนความร้อน เช่น คริสตัลที่ใช้กับนาฬิกาข้อมือทั่วไป เมื่อทดสอบอุณหภูมิเปลี่ยนแปลง +/- 10 องศาเซลเซียสจะพบว่าเวลาของสัญญาณนาฬิกาเปลี่ยนแปลงประมาณ 110 วินาทีต่อปีเท่านั้น  จากรูปด้านล่างลูกศรที่ชี้ไปยังวงจรไฟฟ้าภายในนาฬิกาส่วนที่เป็นอุปกรณ์รูปกระบอกคืออุปกรณ์คริสตัล เมื่อทอดกระบอกเหล็กที่หุ้ทไว้ออกมาภายในจะมีลักษณะดังอีกรูปหนึ่งจะพบว่ามีแผนผลึกคริสตัลทั้งแบบทำเป็นก้านสองก้านอยูาใกล้กัน และแบบที่เป็นแผนคริสตัลสองแผ่นผลึกติดกัน ระยะห่างระหว่างปผ่นคริสตัลทั้งสองมีผลต่อความถี่สัญญาณนาฬิกาที่ผลิตออกมา

     ผู้ผลิตสามารถผลิตคริสตัลได้หลากหลายความถี่ สำหรับนาฬิกาข้อมือและระบบนาฬิกา ผู้ผลิตจะสร้างให้คริสตอลมีความถี่ 32,768HZ หรือที่ความถี่ 2^15 ต่อวินาที ซึ่งในทางวงจรดิจิตอลความถี่ดังกล่าวสามารถสร้างวงจรความถี่ ซึ่งหารลงครึ่งนึง นำมาต่อกันแบบอนุกรมจำนวน 15 ตัว จะทำให้ได้ความถี่ 1HZ หรือ 1 วินาทีพอดี

    ในปัจจุบันคริสตัลออสซิเลเตอร์นำใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แทบทุกชนิดที่ต้องเกี่ยวข้องกับจังหวะ เวลาการทำงาน ตั้งแต่นาฬิกาข้อมือไปจนถึงคอมพิวเตอร์ทุกประเภท

เรื่องโดย ดร.ศุภกิจ นุตยะสกุล จากนิตยสาร DoubleClick